บทที่ 9 E-government
สำหรับประเทศไทย
ในเรื่องการบริหารและการบริการของรัฐแก่ประชาชน มีการกล่าวถึงตั้งแต่ในกฎหมายสูงสุดของประเทศคือ รัฐธรรมนูญฯ ในมาตรา 78หรือแผนสภาพัฒน์ฯ
ฉบับที่ 8 ที่กล่าวถึงการ นําไอทีมาใช้เพื่อเชื่อมโยง
ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับภาคเอกชน เพื่อการบริหารและการบริการที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้
ในแผนไอทีแห่งชาติเองก็ระบุวาหน่วยงานของรัฐต้องลงทุนให้พร้อมด้วยไอที
และบุคลากรที่มีศักยภาพในการใช้ไอที ในแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐก็ได้กำหนดกิจกรรมหนึ่งที่ทุกส่วนราชการต้องดําเนินการไว้ในแผนหลักเกี่ยวกบการปรับเปลี่ยนบทบาท
ภารกิจและวิธีการบริหารของภาครัฐว่าการพัฒนาให้มีระบบสารสนเทศของหน่วยงานกลางในภาครัฐ
ตลอดจนนําเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เหมาะสมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐและการให้บริการแก่ประชาชน
จะเห็นว่าในระดับนโยบายนั้นมีการให้ความสําคัญในเรื่องนี้มาโดยตลอด
ความหมาย e-government
E-government หรือรัฐอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยหลักการที่เป็นแนวทาง 4 ประการคือ
1.สร้างบริการตามความต้องการของประชาชน
2.ทําให้รัฐและการบริการของรัฐเข้าถึงได้มากขึ้น
3.เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยทั่วกัน
4.มีการใช้สารสนเทศที่ดีกวาเดิม
E-government หรือรัฐอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วยหลักการที่เป็นแนวทาง 4 ประการคือ
1.สร้างบริการตามความต้องการของประชาชน
2.ทําให้รัฐและการบริการของรัฐเข้าถึงได้มากขึ้น
3.เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยทั่วกัน
4.มีการใช้สารสนเทศที่ดีกวาเดิม
e-government คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภาครัฐ ปรับปรุงการบริการแก่ประชาชน และการบริการด้านข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนมีความใกล้ชิดกับภาครัฐมากขึ้น สื่ออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเข้าถึงบริการของรัฐ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคน 3 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชน ภาคธุรกิจอละข้าราชการเอง ผลพลอยได้ที่สำคัญที่จะได้รับคือ ความโปร่งใสที่มีมากขึ้นในกระบวนการทำงานของระบบราชการ อันเนื่องมาจากการเปิดเผยข้อมูล และประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ตลอกเวลาจึงคาดว่าจะนำไปสู่การลดคอร์รัปชันได้ในที่สุด
1. รัฐกับประชาชน (G2C)
เป็นการให้บริการของรัฐสู่ประชาชนโดยตรง
โดยที่บริการดังกลาว่าประชาชนจะสามารถดําเนินธุรกรรมโดยผานเครือข่ายสารสนเทศของรัฐ
เช่น การชําระภาษี การจดทะเบียน การจายค่าปรับ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
การมีปฏิสัมพันธ์ระหวางตัวแทนประชาชนกับผู้ลงคะแนนเสียงและการค้นหาข้อมูลของรัฐที่ดําเนินการให้บริการข้อมูลผานเว็บไซต์
เป็นต้น โดยที่การดําเนินการต่าง ๆ นั้นจะต้องเป็นการทํางานแบบ Online และ Real
Time มีการรับรองและการโต้ตอบที่มีปฏิสัมพันธ์
2. รัฐกับเอกชน (G2B)
เป็นการให้บริการขภาคธุรกิจเอกชน
โดยที่รัฐจะอํานวยความสะดวกตอภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันกันโดยความเร็วสูง
มีประสิทธิภาพ และมีข้อมูลที่ถูกต้องอยางเป็นธรรมและโปร่งใส เช่น
การจดทะเบียนทางการค้า การลงทุน และการส่งเสริมการลงทุน การจัดซื8อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์
การส่งออกและนําเข้า การชําระภาษี และการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก
3. รัฐกับรัฐ(G2G)
เป็นรูปแบบการทํางานที่เปลี่ยนแปลงไปมากของหน่วยราชการ
ที่การติดตอสื่อสารระหว่างกันโดยกระดาษและลายเซ็นต์ในระบบเดิมในระบบราชการเดิม
จะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยการใช้ระบบเครือข่ายสารสนเทศ และ
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอยางเป็นทางการเพื่อเพิ่มความเร็วในการดําเนินการ
(Economy of Speed) ลดระยะเวลาในการส่งเอกสารและข้อมูลระหว่างกัน
นอกจากนั้นยังเป็นการบูรณาการการให้บริการระหว่างหน่วยงานภาครัฐโดยการใช้การเชื่อมตอโครงข่ายสารสนเทศเพื่อเอื้อให้เกิดการทํางานร่วมกัน
(Collaboration) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหวางกัน (Government Data
Exchan) ทั้งนี้รวมไปถึงการเชื่อมโยงกับรัฐบาลของต่างชาติ
และองค์กรปกครองท้องถิ่นอีกด้วย ระบบงานต่าง ๆ ที่ใช้ในเรื่องนี้ ได้แก่ ระบบงาน Back
Office ต่าง ๆ ได้แก่ ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์
ระบบบัญชีและการเงินระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อย่างไรก็ดี
จะต้องมีกระบวนการในการลดแรงต่อต้านของบุคลากรที่คุ้นเคยกบการทํางานในระบบเดิม
4. รัฐกับข้าราชการและพนักงานของรัฐ (G2E)
เป็นการให้บริการที่จําเป็นของพนักงานของรัฐ
(Employee) กับรัฐบาล
โดยที่จะสร้างระบบเพื่อช่วยให้เกิดเครื่องมือที่จําเป็นในการปฏิบัติงาน และการดํารงชีวิต
เช่น ระบบสวัสดิการ ระบบที่ปรึกษาทางกฎหมาย และข้อบังคับในการปฏิบัติราชการ
ระบบการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เป็นต้น
1.ระบบ E-Tending ระบบการยื่นประมูลอิเล็กทรอนิกส์
เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง กระบวนการสลับซับซ้อน การจัดซื้อจัดจ้างโดยอาศัยวิธีการประกวดราคาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
2.ระบบ E-Purching ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น ระบบย่อย
ระบบ E-Shopping ระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าไม่สูง กระบวนการสลับซับซ้อนไม่มาก เช่น การจัดซื้อวัสดุสำนักงานในปริมาณไม่สามารถทำผ่านระบบ E-catalog
ระบบ E-Auction เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างและบริการที่มีมูลค่าสูงหรือปริมาณมาก และมีกระบวนการดำเนินงานที่ไม่สลับซับซ้อนมากนัก เช่น การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ การจัดหาบริการทำความสะดวก